ทำร้ายผู้อื่น โดยไตร่ตรอง

Last updated: 31 พ.ค. 2566  |  450 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำร้ายผู้อื่น โดยไตร่ตรอง

คำพิพากษาฎีกาที่ 205/2565

จำเลยมีปากเสียงชกต่อย ค. ด้วยสาเหตุปักใจเชื่อว่าค. เป็นคนร้ายฆ่าบิดาตน จำเลยสู้ไม่ได้และกลับไปก่อน ต่อมาอีก 30 นาที ค. ขี่รถจักรยานกลับบ้านมี ป. นั่งซ้อนท้ายไปด้วย จำเลยดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางใช้ปืนแก๊ปยาวที่ถือติดมือมายิง ค. แต่กระสุนปืนพลาดไปถูก ป. ตาย ดังนี้ เป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 60

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วย มาตรา 60 ให้ระวางโทษประหารชีวิต รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิต ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 จำคุก 10 ปี โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่าในวันเกิดเหตุ นายเหลืองและจำเลยต่างไปช่วยเกี่ยวข้าวที่นานายดาวเรือง เสร็จแล้วนายดาวเรืองได้เลี้ยงอาหารและสุรา ในระหว่างดื่มสุรา จำเลยและนายเหลือง์ เกิดมีปากเสียงถึงขนาดชกต่อยกันด้วยสาเหตุจำเลยปักใจเชื่อว่านายเหลืองเป็นคนร้ายฆ่าบิดาตน จำเลยสู้นายเหลืองไม่ได้ และได้กลับไปก่อนหน้านายเหลืองโดยถือปืนแก๊ปยาวไปด้วย และได้กล่าวอาฆาตว่าถ้าใครตามมาจะยิงหัวเอา หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ขณะนายเหลืองขี่รถจักรยานกลับบ้านโดยมีนางต้อยติ่งนั่งซ้อนท้ายไปด้วย จำเลยซึ่งดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางได้ใช้ปืนแก๊ปยาวที่ถือติดมือมายิงนายเหลือง แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกนางต้อยติ่งถึงแก่ความตายคดีคงมีปัญหาตามข้อฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าจำเลยมีความโกรธแค้นนายเหลืองมาก่อนไม่เพียงแต่สาเหตุที่จำเลยเชื่อว่านายเหลืองฆ่าบิดาตนเท่านั้น และยังโกรธแค้นนายเหลืองที่ชกต่อยจำเลยในวันเกิดเหตุโดยพูดอาฆาตว่า ถ้าใครตามมาจะยิงหัวเอา แล้วจำเลยก็กลับบ้านไปก่อน หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที นายเหลืองก็กลับบ้านโดยจำเลยทราบอยู่ก่อนแล้วว่า นายเหลืองจะต้องผ่านมาทางเดียวกับจำเลย การที่จำเลยหยุดคอยดักซุ่มอยู่เพื่อจะยิงนายเหลืองนั้น ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยมีความเคียดแค้นคุกรุ่นอยู่ในใจตลอดมาในการตกลงใจกระทำความผิด การที่จำเลยใช้อาวุธปืนที่ติดมือมายิงนายเหลืองจึงมิใช่ยิงเพราะเกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าในขณะนั้นเอง หากแต่คิดไตร่ตรองและตัดสินตกลงใจก่อนแล้วจึงลงมือกระทำความผิดในภายหลัง การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำผิดของจำเลยเกิดขึ้นในขณะนั้นเอง หาได้มีการวางแผนไตร่ตรองไว้ก่อนแต่อย่างใดไม่นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น"

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 60 ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น


องค์คณะ
ชื่อองค์คณะ สุทิน เลิศวิรุฬห์ อำนวย อินทุภูติ ดำริ ศุภพิโรจน์



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้